วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ใครโง่กว่ากัน

มีชายสองคนพี่น้อง คนพี่ชื่อดำเป็นคนขยันทำมาหากิน เงินทองที่หามาได้
ก็รู้จักใช้จ่ายจนมีเงินเก็บอยู่บ้าง ส่วนคนน้องชื่อแดงเป็นคนเกียจคร้าน
ไม่เอาใจใส่ต่อการทำงาน ได้เงินมาก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีเงินเก็บหอมรอมริบ
คอยแต่เบียดเบียนนายดำผู้พี่ ยิ่งไปกว่านั้นถ้านายดำเผลอเมื่อไหร่ เป็นอัน
ต้องถูกนายแดงขโมยเงินเสมอ ไม่ว่านายดำจะซุกซ่อนเงินไว้ตรงไหนอยู่มาวัน
หนึ่งนายดำต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน จึงคิดหาวิธีที่จะซ่อนเงินที่มีอยู่หนึ่งพัน
บาทให้มิดชิดที่สุด คิดอยู่นานก็หาที่ซ่อนไม่ได้ จะเอาซ่อนตรงไหนๆ ก็เกรงว่า
นายแดงจะมาขโมยไปในที่สุดก็ตัดสินใจขุดหลุมฝังซ่อนไว้ดีกว่า จึงลงจากเรือน
คว้าจอบใส่บ่าเดินออกหลังบ้านแล้วขุดหลุมเอาเงินห่อกระดาษใส่ลงก้นหลุม เอา
ดินกลบและดูความเรียบร้อย ดูไปดูมานายดำก็คิดว่า
"นี่ถ้านายแดงมาเห็นรอยเรากลบหลุมไว้อย่างนี้ คงต้องรู้ว่าเราฝังเงินเอาไว้แน่"
พลันความคิดของนายดำก็เกิดขึ้น เอาอย่างนี้ดีกว่าเราเขียนป้ายมาปักไว้ที่หลุมนี้ว่า
"เงินหนึ่งพันบาทของนายดำ ไม่ได้อยู่ในหลุมนี้" นายแดงก็คงจะไม่สงสัยเป็นแน่คิด
แล้วนายดำก็จัดการเขียนป้ายดังกล่าวมาปักไว้ที่หลุม เสร็จแล้วก็จัดแจงแต่งตัวออก
จากบ้านไปฝ่ายนายแดงหลังจากเที่ยวเตร็ดเตร่อยู่หลายวัน จนเงินหมดจึงกลับบ้าน
ไม่พบพี่ชายจึงได้โอกาสเหมาะเที่ยวค้นหาเงิน เชื่อว่าพี่ชายจะต้องซ่อนไว้ที่ไหนซักแห่งแน่
ค้นหาบนบ้านอยู่นานก็ไม่พบ จึงเดินลงจากเรือนไปค้นตามหลังบ้าน ก็พบป้ายหนึ่งเขียนไว้ว่า
"เงินหนึ่งพันบาทของนายดำไม่ได้อยู่ในหลุมนี้"เมื่อนายแดงอ่านป้ายดูแล้วก็เกิดความ
งสัยว่า เมื่อไม่มีเงินแล้วจะเขียนป้ายบอกไว้ทำไมจึงลงมือขุดดู ก็พบเงินที่ซ่อนไว้
เมื่อได้เงินมาแล้วนายแดงเกิดนึกขึ้นได้ว่า ถ้าพี่ชายกลับมาเห็นเงินในหลุมหายไป
ก็คงโทษเราแน่ อย่ากระนั้นเลยเราเขียนป้ายปักไว้ดีกว่า เมื่อพี่ชายมาเห็นจะได้คิดว่าเรา
ไม่ได้เอาไป คิดดังนั้นแล้วนายแดงก็จัดการเขียนป้ายมาปักไว้ที่หลุมว่า
"เงินหนึ่งพันบาทในหลุมนี้นายแดงไม่ได้เอาไป"

ค้างคาว 3 ตัว

มีค้างคาว 3 ตัวค้างคาวสามตัวอยู่ในถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ละแวกนั้นมีการแย่งชิงที่อยู่กันมาก
ดังนั้นพวกมันจึงตกลงกันว่าจะผลัดกันออกไปหากินที่ละตัว
ตัวละ 3ชั่วโมง อีก 2 ตัวจะได้อยู่เฝ้าถ้ำ
ค่ำวันหนึ่ง
ค้างคาวตัวที่หนึ่งบินออกไปหากินก่อน
แต่มันไปเกินเวลาที่กำหนดไว้ร่วมชั่วโมงกว่าจะกลับ
มันได้กินแค่นิดเดียว
ดูปากแล้วไม่มีรอยเลือดติดมาเลยคาดว่าคงกินผลไม้มา
แล้วค้างคาวตัวที่สองก็ออกไป
มันออกไปนานเกินกำหนดถึง 2 ชั่วโมงกว่าจะกลับ
แต่มันก็ได้กินไม่มากไปกว่าตัวที่หนึ่งเท่าใดนัก
ค้างคาวตัวที่สามต่อว่า "ไปยังไงวะ กูรอตั้งนานตาลายหมดเลย"
พูดจบมันบินออกไปทันทีด้วยความโมโห
ผ่านไป 5 นาที่ ค้างคาวตัวที่ 3 ก็กลับเข้ามา
มันเอามือเช็ดเลือดสดๆ ที่ปาก ท่าทางคงจะอร่อยน่าดู
ค้างคาวอีก 2 ตัว
สงสัยยิ่งนักว่าเพื่อนไปหาเลือดสดๆใกล้ๆ ได้จากไหน
ตัวที่ 1 "แกไปหากินยังไงวะถึงได้กินเร็วขนาดนั้นแถมมีเลือดกินด้วย"
ตัวที่ 3 "พวกแกเห็นตันไม้ใหญ่หน้าถ้ำไหมวะ"
ตัวที่สามย้อนถาม
ตัวที่ 1 "เห็น"
ตัวที่ 2 "เห็น"
ตัวที่ 3 " เออ...?กูไม่เห็น !!"

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แต่งมานาน ยังหวานชื่น

ภพ แต่งงานอยู่กินกับภรรยามาปีนี้เป็นปีที่ 10 แล้ว เพื่อน ๆ ของภพสังเกตุว่า ทุกครั้งที่ภพจะพูดกับภรรรยา ภพจะเรียกภรรยาอย่างหวานหูว่า "ที่รัก... " ไม่ก็ "ยาหยีจ๋า..." แล้วจะว่าอะไรก็ว่าไป อย่างเช่นวันนี้ ภพชวนเพื่อน ๆ มารับประทานอาหารทีบ้าน

"อ๊ะที่รัก จัดโต๊ะอาหารเสร็จแล้วเหรอ พี่ภพ คุยธุระกับเพื่อน ๆ ใกล้จะเสร้จแล้วล่ะ"

"ยาหยีจ๋า พี่ภพ ขอข้าวเพิ่มหน่อยนะ"

ยังความประหลาดใจให้กับเพื่อนร่วมงานอย่างมาก

ก่อนที่เพื่อน ๆ จะลากลับบ้าน ก็มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งบอกกับภพว่า "เฮ้ยไอ้ภพ อยู่กันมาตั้ง 10 ปี ยังคุยกันแบบหวานจ๋อยอยู่เลยนะโว้ย ดีว่ะ ครอบครัวตัวอย่างเลย"

ภพหันซ้ายหันขวาแล้วกระซิบบอกเพื่อนคนนั้นว่า "เฮ้ยอย่าเอ็ดไปนะ คือกูจำชื่อแฟนกูไม่ได้นานหลายปีแล้วว่ะ มึงพอจะนึกออกบ้างไหมวะ"